ในช่วงโควิด19 มีคนตกงานจำนวนมาก ไรเดอร์เป็นอาชีพตัวเลือก ทั้งเพื่อหารายได้หลัก หรือรายได้เสริม พี่มะลิ(นามสมมติ) เป็นอีกคนหนึ่ง ในวัย 52 ปี ที่ถูกบริษัทเลิกจ้าง เพื่อนรุ่นน้องที่เป็นไรเดอร์ จึงชวนพี่มะลิเข้ามาลองทำนับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากชีวิตในสำนักงาน ออกมาสู่งานบนท้องถนน
“เราคิดว่าไม่รอดหรอก ภาวะแบบนี้ ได้ค่าเลิกจ้างมา 2 เดือน นอนพักเฉย ๆ สักระยะ เพราะเหนื่อยมาตลอดชีวิตแล้ว ต่อมา มีน้องชายที่รู้จักกัน เขาทำไรเดอร์ ชวนเราลองทำดู มีงานก็วิ่ง ไม่มีก็ไม่วิ่ง ทำเถอะ”
แรกๆ เหมือนจะดี
พี่มะลิเล่าว่า ปกติขี่มอเตอร์ไซด์ไม่แข็ง ใบขับขี่ก็เพิ่งได้ สอบใบขับขี่ตอนอายุ 50 ปี คิดไว้ตั้งแต่ก่อนถูกเลิกจ้างว่าต้องมีมอเตอร์ไซด์ เผื่อทำอะไรได้ พอตกงานก็เลยลองสมัครแอพแรกสีเขียว สมัครไป 3 วันเขาตอบรับ แต่รองาน ไม่เห็นมีงาน น้องก็เทรนเรา ดูแอพยังไง ต้องไปอยู่ตรงไหนของโซน
“ตอนนั้นคิดว่า ขอได้วันละ 200 บาทพอแล้ว ต้องมานั่งจ้องมือถือทั้งวันก็ห่วงสุขภาพ เพราะอายุมากแล้ว”
ช่วงวันแรกได้ 7 รอบ ดีใจมาก กด ๆๆ เพื่อให้ได้งาน ตอนนั้นยังไม่มีเสื้อฟอร์ม บอกลูกค้าช่วยแนะนำด้วย มันขลุกขลักบ้าง บางวันมีงาน บางวันไม่มีงาน ลูกค้าช่วยแนะนำ น้องก็ช่วยแนะนำ ก็มีกำลังใจ ทำได้ 2 สัปดาห์ ก็สมัครอีกแอพ พอช่วงกลางปี 2564 ผู้ป่วยโควิด19 เพิ่มจำนวนมาก เตียงไม่มี ผู้ป่วยรอเตียงกักตัวเองในบ้าน จึงเกิดงานบริการส่งอาหารและยาให้ผู้ป่วยที่กักตัวในบ้าน
“สมัครอีกแอพส่งอาหารให้ผู้ป่วยโควิด19 ต้องตื่นตี 4 เพื่อจองงานในแอพ ตี 5 ต้องแย่งงานให้ทัน จุดรับงานไกลมาก วิ่งระยะมากกว่า 20 กิโลเมตรเพื่อส่งอาหารผู้ป่วยให้ทันเวลา อาหาร 1 ชุดมี 6 กล่อง ต้องส่งอาหารครั้งละ 5 ชุด หากล่องมาใส่อาหาร วิ่ง 3 เดือน งานหมดแล้ว”
“มาเจอโควิดอีกระลอก เข้าไปทำอีก โควิดรอบที่สอง รอบที่สาม พร้อม ๆ กับเปิดแอพอื่นด้วย เพราะโควิด19 ช่วงงานขาขึ้น เราทำ ๆ รวมวันละ 12-14 ชั่วโมง”
ความปลอดภัยอยู่ที่การขับขี่ของเรา
การขับขี่จักรยานยนต์ หากเกิดเหตุบนถนน ผู้ขับขี่จะเสี่ยงต่อการบาดเจ็บมากกว่ารถยนต์ แต่ไรเดอร์ต้องการทำรอบ เพื่อค่าจ้างที่พอกับการเลี้ยงครอบครัว ก็ต้องพยายามป้องกันเอง พี่มะลิเล่าถึงความเสี่ยงบนท้องถนน
“ไรเดอร์ควรมีความรับผิดชอบต่อตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง ก่อนจะได้เงิน พี่รักตัวเอง พี่รักษาสุขภาพอยู่แล้ว พยายามไม่ดูมือถือตอนขับ แต่บางทีเลี่ยงไม่ได้ เพราะไม่รู้จักสถานที่ไปส่งของ บางทีไปอ้อมไกล 5-6 กิโลเมตร แต่ใช่ว่าบางคนเขาอาจจำเป็น มีภาระมาก เขาต้องทำรอบ”
“น้องบอกว่า พี่อย่าขับรถเร็ว ผมไม่แนะนำให้พี่ดูไปขับไป เป็นไปได้ให้ศึกษาเส้นทางก่อนไป พี่อย่าทำรอบมาก ช่วงสิงหาคมที่ผ่านมา ฝนตกเยอะมาก พี่ไม่วิ่งนะ ปีก่อนวิ่ง ปีนี้ไม่วิ่งแล้ว สภาพถนนไม่เหมาะ เชื้อโรคในอากาศเยอะมาก มือถือเปียก”
พี่มะลิยืนยันว่า มีสติพยายามไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ เพราะเราเคยทำงานโรงงาน เราถูกปลูกฝังให้ระวังเรื่องความปลอดภัยในการทำงาน และยังเห็นไรเดอร์ประสบอุบัติเหตุแทบทุกวัน
“ไรเดอร์กินข้าวตรงไหน ไม่ได้กินหรอก บ่ายสามโมงคือข้าวเช้า ระหว่างวันได้แต่น้ำ หรือกาแฟ แต่เราไหว เราแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีภาระ ไม่ตั้งเป้ารายได้ ทำให้ไม่บีบ”
พี่มะลิพยายามขับขี่ปลอดภัย แต่ยังคงมีเรื่องหมวกกันน็อก ที่สวมอยู่กลางแดดทั้งวัน รู้สึกว่าต้นคอล้า เพราะรับน้ำหนักหมวก และผมร่วงมาก
หมวกกันน็อกที่ไรเดอร์ต้องการ คือ น้ำหนักเบา ระบายอากาศดี หมวกทั่ว ๆ ไป น้ำหนัก 1 กิโลกรัม ราคาหลายพันบาท หากน้ำหนักเบามาก ๆ ราคาไปถึงหลักหมื่นก็มี
“เพื่อนเตือนกันว่าทำน้อยลงเถอะ มันหนักไปสำหรับผู้หญิง วัยนี้”
รายได้ไม่แน่นอน แอพให้พักงาน ต่อรองไม่ได้
ทุกวันไรเดอร์ ต้องมีเงินเติมน้ำมัน และสำรองจ่ายค่าอาหารของลูกค้าล่วงหน้าไปก่อน
“เติมน้ำมันวันละ 200 บาท วิ่งเฉลี่ยวันละ 180 กิโลเมตร ช่วงพีค ๆ วิ่ง 200 กิโลเมตร ค่าวิ่งสูงสุด 500 บาท จากปากน้ำถึงพุทธมณฑลสาย 5”
“วิ่งวันละ 12 ชั่วโมง รายได้เฉลี่ยวันละ 800 บาท ทำมา 6-7 เดือน อยู่ได้แต่ถ้าคนมีครอบครัวอาจจะไม่พอ”
พี่มะลิอยู่ได้ เพราะไม่มีลูก ไม่มีค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ แต่ก็ไม่คาดหวังจะทำไรเดอร์ต่อไปนาน ๆ เพราะรายได้น้อย ไม่มีความแน่นอน และแอพกำหนดทุกอย่าง
“ไม่อยากให้คนคาดหวังไรเดอร์เป็นงานหลัก หรือจะมีไปอีกหลายสิบปี อาจจะมีเทคโนโลยีอื่น ๆ ไม่ต้องมีคนขับ ใช้หุ่นยนต์ทำงานส่งของแทน”
และแล้วพี่มะลิก็ถูกพักงาน 45 วันจากแอพสีเขียว เพียงเพราะไม่ได้เข้าไปอัพเดท 10 กว่าวัน
“อำนาจต่อรองไม่อยู่ที่ไรเดอร์ ไรเดอร์ถูกตัดออกง่ายมาก ตามเงื่อนไขกำหนดเมื่อเข้ารับงาน”
พี่มะลิเหมือนไรเดอร์คนอื่น ๆ รู้ตัวเองว่า ไม่ใช่ลูกจ้าง ไม่ได้มีการคุ้มครอง และสวัสดิการใด ๆ พี่มะลิบอกว่า รัฐควรเข้ามาดูแล
“ภาครัฐควรจะยื่นมือมากำหนดค่าตอบแทนไรเดอร์ เหมือนกับการกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำ ต้นทุนทั้งหมด มีอะไรบ้าง งานแต่ละรอบเป็นเงินเท่าไร และเก็บส่วนหนึ่งสมทบเข้ากองทุนช่วยเหลือการรักษาพยาบาลเมื่อไรเดอร์เกิดอุบัติเหตุ”
1 ปีได้อะไรจากอาชีพไรเดอร์
1 ปีกับอาชีพไรเดอร์ พี่มะลิกเล่าถึงความรู้สึกว่าแอคทีฟมากขึ้น หลุดจากงานสำนักงานเดิม ๆ ท้าทาย มีอะไรให้เราแก้ไขปัญหา สมองต้องใช้ ตาต้องดู ระมัดระวังการขับรถ ฝึกทุกวัน ตากแดด ร่างกายแข็งแรง ไม่เป็นโควิด19
“อาชีพนี้ เขามีน้ำใจ มีมารยาทต่อกัน เวลาขับรถมีปัญหา ไรเดอร์ด้วยกันจะไม่เอาเรื่องกัน ต่างค่ายก็ช่วยเหลือกัน สตาร์ทไม่ติดก็ช่วยถีบรถเราไป”
“เราวิ่งเอกสารด้วย แลกดีโอ ขึ้นเช็คด้วย แอพให้เราเข้าอบรมแล้วได้งานเอกสาร”
“จะพยายามรักษาคะแนนที่ลูกค้าให้ เหมือนทำให้โอกาสเห็นงานมากขึ้น ในโลเคชั่นที่เราทำ เราบริการลูกค้าดี ของแบบไหนเราก็ดูแลส่งให้ได้” พี่มะลิทิ้งท้ายกับเคล็ดไม่ลับของงานบริการไรเดอร์ที่ให้ได้คะแนนถึง 4.5