เมื่อโรงงานคือท้องถนน (9): ไรเดอร์แม่เลี้ยงเดี่ยว
วรดุลย์ ตุลารักษ์ และบรรณ บุญยสิริยานนท์
เธอพาลูกสาวมาด้วย ในวันที่เราสัมภาษณ์ เธอสั่งชาเขียวปั่นให้ลูกสาวและบอกลูกสาวให้นั่งรออยู่อีกโต๊ะหนึ่งติดกันระหว่างรอคุณแม่คุยกับเรา ลูกสาววัยสิบขวบนั่งเล่นๆ มองออกไปจากหน้าต่าง กินขาเขียวและขนมนิ่งๆสบายๆ ไม่กวนแม่ หันมามองแม่บางครั้ง เมื่อแม่พูดอย่างมีความรู้สึกถึงการทำงานของเธอ …เหมือนเป็นห่วงแม่
เธอทำงานจันทร์ถึงศุกร์ในย่านใจกลางเมือง จะหยุดขับรถเพื่อดูแลลูกสองคน ในวันเสาร์อาทิตย์
เมื่อถามว่า ทำงานไรเดอร์พอเลี้ยงลูกไหม เธอนิ่งเงียบชั่วขณะ พร้อมกับน้ำตารินออกมา เธอพูดด้วยเสียงสั่นว่า ถ้าขยันเรียนเรียนให้จบสูงกว่าม.6 อาจจะได้ทำงานดีกว่านี้เลี้ยงลูกได้ดีไม่ต้องลำบากมาก
เมื่อปีที่แล้ว เช้าวันหนึ่ง เธอขับรถลงจากสะพานข้ามแยกใจกลางเมือง รถคันหนึ่งพุ่งออกมาจากตึกสำนักงานข้ามเส้นทึบ เธอเห็นรถออกมา แม้ขับไม่เร็วแต่ก็ไม่สามารถเบรคทัน เธอตัดสินใจหักแฮนด์เลี้ยวไม่กี่องศาเพียงไม่ให้ชนกลางลำ หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บสาหัส
เธอหมดสติไป ตื่นมาอีกทีที่โรงพยาบาล หน้าของหญิงสาวไรเดอร์เป็นแผลเย็บยาว และการชนกระทบโครงร่างกระดูกใบหน้าเธอ เป็นมาจนถึงปัจจุบัน
เธอหยุดงานอยู่สามเดือนทั้งจากใบหน้ากระแทก และมือขวาของเธอ อวัยวะสำคัญในการทำอาชีพไรเดอร์บาดเจ็บจนไม่สามารถจับแฮนด์ขับมอเตอร์ไซค์ได้
ลูกสาวหันมามองเธอเมื่อเธอเล่าเรื่องนี้ เธอหันไปพูดกับลูกสาว “แม่คุยอีกแป๊บนึงนะ เดี๋ยวไป”
ลูกสาวของเธอพยักหน้า แล้วหันกลับไปใช้โทรศัพท์มือถือต่อ ดูดชาเขียวปั่น กินขนม สงบเข้าใจแม่ของเธอ ทั้งคู่อ่อนโยนต่อกัน
บางครั้ง เธอหยิบโทรศัพท์มายื่นให้แม่ เมื่อมีคนโทรเข้ามาหาแม่ แม่รับโทรศัพท์พูดสั้นๆ แล้วยื่นกลับไปให้ลูก อย่างอบอุ่นเข้าใจกัน
ก่อนกลับ เรากล่าวลากับลูกสาวของเธอ เธอสวัสดีเรา ยิ้มให้เรา เป็นลูกสาวที่เข้าใจแม่ บุคลิกใจดี นุ่มนวล และ รักแม่ มากับคุณแม่นักสู้ ไรเดอร์แม่เลี้ยงเดี่ยว ที่เลี้ยงลูกมาด้วยความรักอย่างแท้จริง
……….
8 พ.ย. 2565 : สัมภาษณ์