อาสาคืนถิ่น หัวใจคือความกล้าหาญ
ความกล้าหาญในจิตใจ คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนรุ่นใหม่ที่จะกลับสู่แผ่นดินเกิด
เพื่อไปพัฒนาและอยู่รอดได้ในบ้านเกิดตัวเอง
การกลับสู่บ้านเกิดของคนรุ่นใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะมีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี ปริญญาโท แบกรับความคาดหวังของพ่อแม่ ญาติพี่น้อง สิ่งที่สำคัญที่สุดจึงไม่ใช่องค์ความรู้หรือเงินทุน แต่เป็น ความตั้งใจและความกล้าหาญที่จะยืนหยัดและมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อให้ตัวเองและชุมชนอยู่ได้อย่างยั่งยืน นี่คือ คำบอกเล่าของ นราธิป ใจเด็จ หรือ ‘นาย’ ผู้ประสานงานโครงการอาสาคืนถิ่น (Return Homeland Volunteer) มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม(มอส.)
ความกล้าหาญในจิตใจ คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนรุ่นใหม่ที่จะกลับสู่แผ่นดินเกิด
เพื่อไปพัฒนาและอยู่รอดได้ในบ้านเกิดตัวเอง
อาสาคนรุ่นใหม่…จากรุ่นสู่รุ่นพลังเครือข่าย
นายเล่าถึงโครงการอาสาคืนถิ่นว่า เริ่มต้นปี 2557 ที่เริ่มมีคนรุ่นใหม่เดินทางกลับบ้านไปทำการเกษตร อยากไปเปลี่ยนแปลงการทำการเกษตรในบ้านเกิดให้เป็นเกษตรอินทรีย์เกษตรปลอดภัย โดยทางโครงการฯมีการจัดอบรมทักษะแนวคิด การวิเคราะห์สถานการณ์ทางสังคมเชื่อมโยงกับชุมชน บริบทที่เกี่ยวข้องต่างๆ เป็นโครงการของการอบรมในรุ่นที่1 -2 ต่อมาเราเริ่มเห็นคนรุ่นใหม่ที่สนใจในเรื่องอื่นๆไม่ใช่แค่การเกษตร เช่น สิทธิการทำกิน การแปรรูปผลผลิต เรื่องการออกแบบธุรกิจ ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของคนรุ่นใหม่ อาสาคืนถิ่นว่ามีความต้องการในเรื่องอะไรบ้าง
‘การขยายเครือข่ายอาสาคืนถิ่นขยายตัวจากรุ่นสู่รุ่น มีเครือข่ายเพิ่มมากขึ้นเริ่มต้นจากภาคเหนือมาภาคอีสานเช่นบ้านสวนชุมแซง เครือข่ายต่างๆกลายเป็นเครือข่ายที่มีความแข็งแรงในการช่วยเหลือและสนับสนุนกันทั้งเรื่องข้อมูลความรู้ การทำคอนเทนต์ เป็นอินฟลูเอนเซอร์นำเสนอเรื่องราวในพื้นที่ การทำแบรนดดิ้งของตัวเอง การออกแบบการอบรมจึงเป็นไปเพื่อการตอบโจทย์ของคนรุ่นใหม่ การอบรมจะเห็นเพื่อนๆจากพื้นที่อื่นๆด้วย’
ไม่ใช่ทั้งหมดจะไปตลอดรอดฝั่ง…กลับบ้านเมื่อพร้อม
แม้จะมีจุดเริ่มต้นที่ดีในการคืนสู่ถิ่นบ้านเกิดแต่การทำโครงการฯมาถึง 6 รุ่นต้องยอมรับว่า ไม่ใช่ทั้งหมดจะไปตลอดรอดฝั่ง หลายคนเริ่มต้นได้ดี พัฒนาพื้นที่ สินค้า ทรัพยากรในพื้นที่ไปได้ แต่เมื่อถึงจุดที่จะขยายเครือข่าย ขยายความร่วมมือบางครั้งอาจไปต่อไม่ได้ด้วยแนวคิดที่ต่างกันหรือบางครั้งก็มีประเด็นเรื่องการเมือง เช่นเรื่ององค์กรท้องถิ่น
‘เราเป็นกระบวนการสร้างคนให้เห็นศักยภาพและค้นหาว่า การกลับไปอยู่บ้านทำได้หรือไม่ ปัจจัยที่สำคัญคือ ความพร้อมของคนรุ่นใหม่ที่จะกลับบ้าน กลับบ้านเมื่อพร้อม ปัจจัยทรัพยากรในพื้นที่ ต้นทุนของครอบครัวสังคม ชุมชนต้องตอบโจทย์ ทุนสนับสนุน เราไปหนุนเสริมแต่อาจไม่มากพอ บางครั้งหน่วยงานท้องถิ่นที่ถือเป็นกลไกสำคัญไม่สนับสนุน เรายอมรับว่า ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จประมาณ 60 %’
สถานการณ์โควิด-19 มีคนรุ่นใหม่สนใจกลับบ้านเพิ่มขึ้น
ในการอบรมคนรุ่นใหม่เพื่อจะกลับบ้าน ในปีแรกจะเป็นเรื่องวิธีคิดกับความพยายามในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชุมชน แต่ในปีที่2 เป็นต้นไปจะเป็นเรื่องของความต่อเนื่อง ที่จะต้องทำจนเกิดการยอมรับในชุมชน และสร้างเครือข่ายในชุมชนซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย จึงทำให้คนรุ่นใหม่บางคนก็รู้สึกผิดหวังและกลับไปใช้ชีวิตตามปกติคือการกลับเข้าสู่ระบบแรงงานเหมือนเดิม ขณะที่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมามีคนรุ่นใหม่ที่ต้องตกงานได้มาปรึกษากับโครงการฯจำนวนมากและขอคำแนะนำ สิ่งที่จะต้องเตรียมและความพร้อม ความตั้งใจที่อยากกลับไปทำ สิ่งที่อยากทำ รวมถึงทรัพยากรที่มีที่บ้านตัวเองซึ่งจะกลับไปสู่บ้านเกิด ซึ่งทางโครงการฯจะให้คำแนะนำรวมการเชื่อมโยงกับเครือข่ายอาสาคืนถิ่น
‘มาปรึกษาเราเยอะมากเราให้ความเห็นและแนะนำไปรวมถึงเข้าสู่กระบวนการการอบรมด้วยส่วนหนึ่ง ปรากฏการณนี้เราคิดว่าสะท้อนให้เห็นชัดเจนถึง ความยั่งยืนในการกลับคืนถิ่นของคนรุ่นใหม่’
ระหว่างทางถือความอดทน-ความกล้าหาญ
นายย้ำว่า ความอดทนคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคนรุ่นใหม่ที่จะกลับไปบ้านเกิด สำคัญกว่า เงินทุน ความอดทนที่ว่าไม่ใช่แค่อดทนในการอยู่รอดให้ได้ แต่แรงกดดันจากคนรอบข้างที่ไม่เข้าใจทั้งเรื่องการกลับมาบ้านเกิด บางครั้งแรงกดดันไปถึงครอบครัว ที่มีคำถามไม่เข้าใจว่าเรียบจบแล้วทำไมถึงไม่หางานทำในเมืองแต่กลับมาที่บ้าน หากสามารถอดทนและทำงานไปจนถึงจุดที่ทำให้ชุมชนรอบข้างมองเห็นการพัฒนาให้เกิดความยั่งยืนระยะยาวได้ สิ่งนั้นคือ ความสำเร็จที่ถือว่า ที่สุดแล้วของอาสาคืนถิ่น…
…นั่นจึงเป็นที่มาของคำว่า ‘ความกล้าหาญ’ คือหัวใจของคนรุ่นใหม่ที่จะอาสาคืนถิ่น
__________________________________
ประวัติผู้เขียน
ดร.นันท์วิสิทธิ์ (นิพนธ์) ตั้งแสงประทีป
ยึดอาชีพทำข่าวมานานกว่า 29 ปี
สนใจชุมชนสิ่งแวดล้อมสิทธิมนุษยชนความเท่าเทียมของคนในสังคม
ปัจจุบันเป็นคนเล่าเรื่อง ผ่านรายการสารคดีข่าว Big story ไทยพีบีเอส
เป็นอาจารย์ประจำนิเทศศาสตร์ มธบ.และทำงานสื่อสารให้กับสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา (LDI)