Skip to content
เสริมสุขภาวะที่เป็นธรรม สร้างพลังแรงงานนอกระบบ

น้าปอง ชาวสวนเลือดใหม่ ผู้มองโลกให้กลมกล่อม

น้าปอง ชาวสวนเลือดใหม่ ผู้มองโลกให้กลมกล่อม

ภาพประกอบ : นาวิน มีบรรจง

ชวนฟังเรื่องเล่า กล้วยเบรกแตก BANANA CHIPS กล้วยหอมฉาบบางกรอบ ของว่างของฝากยอดนิยม โดยน้าปอง นาวิน มีบรรจง ชาวสวนรุ่นใหม่ จังหวัดสมุทรสงคราม

“กล้วยเบรกแตกทำมา 3 ปี แล้ว เริ่มจากญาติทางแฟนทอดกล้วยกินเล่น ๆ ในบ้าน พอปีใหม่ ผมสั่งมาให้ญาติทางผมชิม น้าชายผมบอก น่าทำขายนะ รสชาดดีมาก หากของอร่อยก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ซึ่งตอนนั้นผมยังหาของทำขายไม่ได้ ในพื้นที่ชาวสวนจะปลูกกล้วยเพื่อเลี้ยงส้ม เพราะส้มชอบแสงแดด แต่แพ้ความร้อน ก่อนลงส้มจะปลูกกล้วยหอม เมื่อกล้วยหอมโตจะช่วยพรางแสงให้ส้ม แต่กล้วยจะไม่ได้รับการดูแลอย่างจริงจัง ลูกจะไม่สวย กล้วยมีเยอะ หน้าแล้งมีลมแรง กล้วยคอหัก กล้วยโค่น ไม่เกิดรายได้จากกล้วย”

“กล้วยเบรกแตก ขายดีเพราะบอกกันปากต่อปาก ญาติซื้อฝากเพื่อนตอนปีใหม่ เพื่อนที่ทำงานญาติก็สั่ง เราก็ขายทั้งราคาส่ง และราคาปลีก ช่วงโควิด19 เราก็ให้เพื่อนในราคาส่งไปแพ็คขายปลีก เป็นตัวเปิดช่องทางว่าจะทำอะไรต่อไป จะขายของอย่างไร จากมนุษย์เงินเดือน ไม่เคยขายของเลย ไม่กล้าขาย อายคน เกรงใจคน จะแพงไป จะส่งของ ราคาสูง คิดเยอะ ด้วยความเกรงใจทุกอย่าง แต่เมื่อของออกไปได้ เราเริ่มเชื่อมโยงความคิด ทั้งแนวคิดงานชุมชนด้วย เราต้องตั้งเป้า และช่วยชุมชนได้อย่างไร เมื่อเราเคยทำงานชุมชน เราเสียสละได้ เราไม่มีลูก หักแล้วอยู่ได้ ไม่เอากำไรมาก เราขายกล้วย แต่คิดเชื่อมโยงชีวิตทั้งหมด”

“กล้วยเบรกแตก จึงมาจากชุมชน และแก้ปัญหากล้วยล้นตลาด แปรรูปได้ แบรนด์เปนทุน ในอนาคตจะมีผลิตภัณฑ์อีกหลายตัว เมื่อชุมชนใช้ประโยชน์จากรอบตัวได้ สร้างรายได้ คนไม่ต้องขายที่ดิน ของทุกอย่างรอบตัวเป็นต้นทุนได้ในราคาต่ำ เพราะเราอยู่ในพื้นที่ แต่หากเราต้องซื้อผ่านคนกลางหลาย ๆ ทอด จะทำให้ต้นทุนสูง จะแปรรูป จะขายก็ต้องขายในราคาสูง ลูกค้าก็จะเป็นคนอีกกลุ่ม ตอนนี้กล้วยเบรกแตกขายในราคาไม่สูง คนทั่วไปจับต้องได้ เราเข้าถึงคนหลากหลายกว่า ทั้งระดับบน และระดับล่าง”

“ตอนอยู่กรุงเทพฯ ผมทำงานฝ่ายศิลป์ และออกแบบผลิตภัณฑ์นานเกือบ 20 ปี พอมาทำงานกับต้นไม้จริงจัง ผมมองเมืองคือระบบนิเวศน์หนึ่ง สวนก็เป็นระบบนิเวศน์หนึ่ง มันไม่ต่างกัน มนุษย์ที่เข้ามาทำงานในเมืองก็ไม่ต่างจากในสวนส้มของผม ทุกคนต้องได้เงินเดือน เจ้าของบริษัทก็คือเจ้าของสวน เวลาผลประกอบการดี เราดูแลพนักงานดี สุดท้ายผลประกอบการก็ตอบแทนกลับมาที่เจ้าของ”

“มองย้อนไปช่วงทำงานมีเงินเดือนห้าหลัก เหลือใช้ เก็บสะสม มีโบนัส 4-5 เดือน แต่มาทำสวน เงินก้อนแรกน้อยกว่าเด็กทำงานจบใหม่อีก แต่ค่าใช้จ่ายน้อยกว่าเช่นกัน ไม่ต้องรีบ ค่อย ๆ โต ปัจจุบันอยู่ได้เรื่อย ๆ สบาย ๆ เงินไม่ขาดมือ เพราะสามารถบริหารจัดการเงิน บริหารคน ตอนนี้เข้าปีที่ 4 รายได้พออยู่ได้ แยกเงินเก็บ เงินใช้จ่ายประจำวัน และเงินลงทุนในสวน”

“ต้นทุนที่เราทำไม่มากเลย ใช้ระบบอินทรีย์มันจะให้ผลผลิตเรื่อย ๆ ค่อย ๆ มา เราตั้งใจเพราะเราเก็บกินทุกอย่างในสวน 7 วันได้กล้วย 20 วันผมได้มะพร้าว 3 เดือนได้ส้มโอ แม้ส้มโอเราไม่สวย เพราะไม่ฉีดยา เราเจาะกลุ่มแกะเปลือกขาย คนรู้จักส้มจะรู้ว่าส้มไม่สวย ผิวตกกระ ขนาดกลาง ๆ เนื้อจะดี และหวานธรรมชาติ”

“ช่วงแรก มีส้มโออย่างเดียว ไม่รอด ส้มจะเก็บผลผลิตได้คือ 4 ปีขึ้นไป รายได้จากกล้วย ส้ม มะพร้าว มะพร้าวเป็นรายได้ทุก 20 วัน เหมือนเงินเดือน แต่ราคามะพร้าวขึ้นลง ผมมีมะนาวเยอะ ส่วนของดีในพื้นที่ ผมมองว่าจะขายได้ ระหว่างรอผลผลิตส้ม เราก็รับงานออกแบบ รับเงินรายเดือนเข้าอีกทาง ช่วงหนึ่ง แต่ระยะปีหนึ่งก็ต้องเลิก เพราะต้องทำสวน อยู่ในท้องร่อง เขาตามงาน แก้ไขงาน ร่างกายก็แย่อีก นอนดึก เพราะเป้าหมายที่ออกจากงาน คือต้องการเลี้ยงตัวเอง และรักษาสุขภาพ ตอนทำงานประจำได้มาทุกอย่าง ความดันสูง นั่งกับที่ กินเยอะ ใช้สมองหนัก ไปไม่ไหวแล้ว ถ้ารับงานออกแบบอีกก็สุขภาพเสียเหมือนเดิมอีก ตั้งปณิธานว่าจะไม่ทำงานจนต้องนอนดึกอีกแล้ว”

“ผมมองสวนเป็นเกษตรอุตสาหกรรม หากพูดถึงพืชเชิงเดี่ยว ก็ไม่ใช่แบบพอเพียง หรือพืชเชิงเดี่ยว เราอยู่ตรงกลาง ตอนมาอยู่ใหม่ ๆ คิดว่าจะทำอย่างไรไม่ต้องใช้เงินเลย ทำอย่างไรหาของกิน สร้างอาหารในพื้นที่ ทำมาเรื่อย ๆ สุดท้ายก็พบไม่ใช่ โลกเปลี่ยนไป เงินเป็นปัจจัยหนึ่ง ทำอย่างไรจะให้สมดุล ตอนนี้ส้มเลี้ยงตัวเองได้ มันเริ่มตอบแทนเราแล้ว คนแก่บอกเราว่า ไม่ยากเลย เลี้ยงมันก่อน เดี๋ยวมันกลับมาเลี้ยงเราเอง”

“มันอยู่ได้ ถูกปลูกฝังมา ใช้เวลาตั้งไข่ 2 ปี นับว่าเร็ว  ตอนมาอยู่ใหม่ๆ เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร ทั้งที่เตรียมตัวมาแล้ว ตอนทำงานประจำ เราคิดว่า ระหว่างนั้นจะหาเงินจากไหนใช้ ระหว่างที่รายได้จากสวนยังไม่มา ก็เครียดบ้าง คนต้องใช้เงินทุกวัน เป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด มีเงินก้อนตั้งต้นสะสมจากงานในกรุงเทพ พยายามประหยัดที่สุด ผมขึ้นรถไฟ กินง่ายที่สุด ตอนนั้นผอมเลย ปลูกแค กินน้ำพริก อะไรที่ประหยัดได้ทำทุกอย่าง”

“ตอนนี้เป้าหมายชีวิตเปลี่ยนไปตามวัย ตามสิ่งที่เจอ เป้าหมายปัจจุบัน คือ สุขภาพดี และสวนต้องเลี้ยงเราได้ เราจะไม่เหนื่อย เราดูแลไม่ต้องมากเหมือนช่วงแรก เหมือนเลี้ยงเด็ก ๆ โตแล้ว สวนจะเลี้ยงเราตอนเราสูงอายุขึ้น หลังจากนี้เราไม่ต้องลงเอง เราบริหาร และจ้างคนทำได้”

“คิดว่ายื้อไม่สำเร็จแล้ว ทำอย่างไรให้กลมกล่อม อยู่ร่วมกันได้ เมื่อก่อนอยากจะแยกโลก โลกความเจริญกับโลกของเราไปด้วยกันไม่ได้ แต่เมื่อตกผลึกแล้ว มันไม่ได้แย่นะ คนในเมือง เราจะหาเงินจากเขาอย่างไร เรามีของกิน ทำอย่างไรให้เขาไม่ดูถูกของกินของเรา ต้องประยุกต์แปรรูปสินค้าเพื่อเพิ่มราคา และขายออนไลน์ด้วย ไม่ขายเฉพาะที่ล้ง ช่องที่เราเห็น ได้สร้างโอกาสมากกว่า เห็นมุมที่คนที่นี่ไม่เห็น ทำให้เรามองเห็นช่องทางทำรายได้มากกว่าสินค้าตัวใดตัวหนึ่ง รวมทั้ง connection ต่าง ๆ ทำให้ช่องทางหารายได้กว้างขึ้น”

“ที่ผ่านมาจะโพสต์เยอะ ก็เพื่อยกระดับสินค้าเกษตร มันไม่ธรรมดา เช่น ส้มแก้ว มีที่เดียวในประเทศไทย ของยิ่งน้อยราคาสูง แต่ช่องทางตลาดมีน้อย คนไปเล่นตามกระแส ทั้ง ๆที่เป็นตระกูลเดียวกับส้มแมนดาริน แค่ไม่มีการเชื่อมโยง มีมิติหลายเรื่อง เห็นทั้งปัญหา ช่องปัญหาที่เห็นเราอยากช่วยเขา ของทิ้งน่าเสียดาย เอาไปตากแห้ง ทำน้ำกินในบ้าน ไม่ได้ทำขาย ตอนนี้รอสุราก้าวหน้าอย่างเดียว”

“เรามองว่าไม่มีอะไรเสียของเลย เปลือกส้มโอ เวลาปอกส้มโอขาย ส้มโอที่ไม่สวยจะปอกเปลือกขาย ผิวส้มโอเอามาทำยากันยุงได้ แต่ยังไม่มีการทำจริงจัง เช่น ทำธูปไล่ยุง แต่ละครั้งทิ้งรวม ๆ กันหลายตัน น้ำมันหอมระเหย แต่รัฐส่งเสริมเย็บกระเป๋า ไม่ตรงกับวัตถุดิบที่พื้นที่มีมากมาย หรือผักตบชวาในคลอง ลงแขกช่วยกัน เอามาสาน หรือทำปุ๋ยหมักได้ ทั้งกำจัด เกิดราคา เกิดประโยชน์ด้วย”

“อาจจะถามว่า ชาวบ้านเสร็จจากสวน เหนื่อยแล้ว จะมาทำแปรรูปเชิงอุตสาหกรรมอีกหรือ นอกจากทำกินเอง เขาไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเพราะมีที่ดินเยอะ แม้ราคาของจะตก แต่ปริมาณของเยอะ รายได้ถัวเฉลี่ยไป รวมค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าแรงงาน ยังไม่ขาดทุน เช่น ส้มโอขายออนไลน์กิโลกรัมละ 50 บาท ขายในพื้นที่ 3-40 บาท ราคาไม่แตกต่างมาก แม้ราคาจะขึ้นลง สภาพอากาศด้วย”

“เรามีความรู้จากภายนอก เราทำงานออกแบบ งานโฆษณา แล้วกลับมาเห็นข้างใน เห็นต้นทุน จากนั้นก็ต้องมีแรงบันดาลใจที่จะพัฒนา เช่น ไวน์ทำกินในบ้าน หากเราเพิ่มมูลค่าได้มหาศาล ประยุกต์วิธีการ คนจากเมืองกลับมาบ้าน ตัวช่วยก็มีคือโซเชียล สร้าง connection หาลูกค้า ไม่เหมือนยุคก่อนมีแต่เจอกันในร้านกาแฟตามปากซอย หรือไปงานวัด สมุทรสงครามคนเก่งเยอะ เห็นอย่างนี้ มีความรู้เยอะ ไม่ใช่ไก่กา อาจมีคนทำ แต่เราไม่รู้ รุ่นลูก รุ่นหลานเข้ามาทำสวน มาพัฒนากันต่อ”

Share the Post: