คุณกรณ์ อายุ 51 ปีอดีตครูรับจ้างสอนคอมพิวเตอร์ของบริษัทแห่งหนึ่ง และเพื่อจะหารายได้เสริม จึงขับแท็กซี่ของแพลตฟอร์มหนึ่งมากว่า 7 ปี การขับรถยนต์รับจ้างเป็นรายได้เสริมที่น่าพอใจก็จริง แต่จะดีกว่าหากมีอาชีพอิสระให้เลือกมากกว่านี้
ผมเชื่อว่า คนอายุสี่สิบกว่าปี จะหางานยากขึ้น เมื่อมีรถยนต์ส่วนตัว จึงขับรถหารายได้เสริมกับแอพพลิเคชั่นหนึ่ง
ใช้รถบ้าน รถชื่อของเราขับ ชื่อคนอื่นขับไม่ได้ เขาใช้คำว่าพาร์ทเนอร์ คือเราไปร่วมงานกับเขา ฟังแล้วอาจรู้สึกด้านลบ เราไม่ได้ร่วมลงทุนใด ๆ เรามีหน้าที่ขับ บริษัทเหมือนจะไม่ได้บังคับ แต่มีระบบเหมือนบังคับ และไม่มีสวัสดิการ และประกันใด ๆ เราต้องออกเองทั้งหมด
เปิดแอพ คือ กำลังทำงาน จะเปิดนานเท่าไรก็ได้ เมื่อปิดแอพ ก็เปิดแอพอื่นได้ แต่ต้องบริหารเปอร์เซ็นต์เป็น เบอร์เดียวใช้มากกว่าแอพได้ แต่หากใช้สองซิม หรือสองมือถือก็ดีกว่า ไม่ตีกัน
รายได้ช่วงแรก ๆ กับปัจจุบันนี้แตกต่างกันมั้ย
แตกต่างกัน แม้ว่าบริษัทมีอินเซนทีฟ (Incentive สิ่งจูงใจ) โดยมีเงื่อนไขกำหนด คือเก็บเพชรได้มากในพื้นที่โบนัส หรือทำยอดได้ ขับเยอะ มีหลายระดับ ระดับฮีโร่ คือขับเก่งมาก จะได้สิทธิพิเศษต่าง ๆ เช่น ส่วนลดในแอพพลิเคชั่น อาหาร หรือน้ำมัน ซึ่งก็เป็นส่วนลดสินค้าทั่ว ๆ ไป
ตอนนี้อินเซนทีฟได้น้อยลง อินเซนทีฟจะให้ช่วงเวลาสั้น ๆ เช่นช่วงรถติด แต่สมัยก่อนแจกเยอะ เช่น ขับสัปดาห์ละหมื่นบาท จะได้อินเซนทีฟเกือบหมื่นบาท
สมัยก่อนทำง่าย สมัยนี้ทำยาก ได้เพียงหลักร้อย เช่น เก็บเพชรได้สิบเม็ดช่วงรถติด ยกเว้นว่าจะขับสิบห้าสิบหกชั่วโมง คือออกจากบ้านตีสี่เข้าบ้านสามทุ่ม ได้อินเซนทีฟหลักพันบาทจริง แต่แลกมากับความเหนื่อยล้า และเป็นไปได้ยากที่จะเก็บเพชรจากงานวิ่งสั้น ๆ ลูกค้าส่วนใหญ่ใช้บริการช่วงรถติด เพราะว่าแท็กซี่เขาเลือกไม่ไปโซนรถติด

ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นใคร
ร้อยละ 90 คือบ้านในซอยลึก คอนโด คนต่างชาติเยอะ เช่น ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย อินเดีย เรียกไปพัทยา โรงแรมเรียกให้ คนต่างชาติที่มาชั่วคราว มาเที่ยวบ่อย ๆ เขาจะเรียกเองได้
การควบคุมการทำงานเป็นอย่างไร
เป็นงานอิสระ ทำหลังเลิกงานประจำ แต่ไม่ใช่จะขับไม่ขับตามใจชอบ มีระบบคุมไว้ เช่น ถ้ามี 11 งาน ไม่รับงานได้ไม่เกิน 2 งานเท่านั้น สัปดาห์หนึ่งขับสามวัน ระบบจะแจ้งเตือน ดังนั้นถูกบังคับกลาย ๆ หากยกเลิกงานมีปัญหามาก หากรอสิบนาที บางทีเรารอไม่ได้ จุดห้ามจอด ลูกค้าปักหมุดจุดที่รอไม่ได้ หากไม่ขับนาน 6 เดือน ระบบจะตัดเราออก หากจะกลับเข้าไปใหม่ จะมีให้ทำแบบสอบถาม จึงจะกลับเข้าไปอีกได้ บางคนอาจจะยังไม่ทิ้ง ก็ขับสัปดาห์ละวัน หรือเดือนละวันก็ได้ รักษาสภาพไว้

รายได้ดีบนความต้องการลูกค้า
ระบบของเขาคือ ดูความต้องการ (demand) ของลูกค้า เช่น เวลาที่รถติด แต่ไม่มีลูกค้า ราคาก็ไม่ขึ้น เช่น เรียกจากถนนข้าวสารไปพารากอน สมมุตว่า ลูกค้าจ่าย 100 บาท เราได้ราคา 70 บาท แต่หากเป็นช่วงเวลาลูกค้าต้องการมาก จะเป็นราคาคูณ เราได้ 130 บาท ลูกค้าจ่าย 180 บาท ราคาจะคูณในพื้นที่ ๆลูกค้าต้องการรถมาก เช่น พารากอน มาบุญครอง เอ็มควอเทียร์ ราคาที่หน้าจอลูกค้า จะถูกหักเป็นค่าพัฒนาแอพพลิเคชั่น ไม่แน่ใจว่าประมาณ 30 หรือ 25 เปอร์เซ็นต์ ราคานี้ลูกค้าอาจจะรู้สึกแพง แต่คนขับรู้สึกน้อย
เราไม่รู้ว่า เงินส่วนนี้ลูกค้าจ่าย บริษัทบอกว่าเพื่อพัฒนาแอพพลิเคชั่น สังเกตว่าแอพก็ไม่ได้พัฒนาอะไรแตกต่าง ปรับเพียงรูปแบบ ยังมีปัญหาปักหมุดไม่ตรง แต่พัฒนาให้มีการบันทึกเสียง ซึ่งเป็นเรื่องการปกป้องสิทธิ คนขับกดอัดเสียงได้ โดยลูกค้าต้องกดยอมรับอนุมัติด้วย
ยอมรับว่าบริษัทเขาให้บริการแอพพลิเคชั่น เขาต้องมีรายได้ มีค่าพนักงาน เขาไม่ได้ทำการกุศล ภาครัฐเคยทำแอพแท็กซี่ ไม่ประสบความสำเร็จเพราะไม่โปรโมท