Skip to content
เสริมสุขภาวะที่เป็นธรรม สร้างพลังแรงงานนอกระบบ

ผู้ค้าตลาดโบ๊เบ๊ขอมีส่วนร่วมปรับปรุงภูมิทัศน์คลองผดุงกรุงเกษม อย่าทุบหม้อข้าวประชาชนรากหญ้า

ผู้ค้าตลาดโบ๊เบ๊ขอมีส่วนร่วมปรับปรุงภูมิทัศน์คลองผดุงกรุงเกษม อย่าทุบหม้อข้าวประชาชนรากหญ้า

ผ่านมา 6 เดือนกว่าแล้ว ผู้ค้าอย่างน้อย 452 ราย รวมผู้รับจ้างผลิตเสื้อผ้า และแรงงานรับจ้างในตลาดโบ๊เบ๊ ตกงาน ไม่มีรายได้ เนื่องจาก กทม. ดำเนินโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ริมคลองผดุงกรุงเกษม สั่งให้ยุติการทำการค้าบนทางเท้าฝั่งคลอดผดุงกรุงเกษม ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2566

ตลาดโบ๊เบ๊ เป็นตลาดขายส่งสินค้าเสื้อผ้า ขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนถนนกรุงเกษม แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ระหว่างแยกกษัตริย์ศึก (ยศเส) กับแยกสะพานขาว โดยเลียบไปกับคลองผดุงกรุงเกษมตัดกับคลองมหานาค กรุงเทพมหานคร (กทม.)

โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ริมคลองผดุงกรุงเกษม พัฒนาคลองให้สะอาด สวยงาม ปลอดภัย ส่งเสริมอัตลักษณ์ชุมชน เปิดพื้นที่ใช้ประโยชน์หลากหลาย ทั้งเป็นทางสัญจร สถานที่พักผ่อน สถานที่ออกกำลังกาย และสถานที่จัดกิจกรรม ทั้งหมดนี้ คือการใช้อำนาจของ กทม.แทรกแซง แย่งพื้นที่ รื้อ ทำลายเศรษฐกิจของตลาดเสื้อผ้าขายส่งราคาถูกของประเทศไทย

ตั้งแต่ กทม.สั่งห้ามขาย กลุ่มผู้ค้ารวมตัวกันขอเข้าพบผู้ว่า กทม. มหาดไทย สำนักนายกฯ หลายครั้ง ร้องขอให้ทบทวนใหม่ การมีส่วนร่วมปรับปรุงภูมิทัศน์ ยินดีร่วมกิจกรรมกับ กทม.เพื่อพัฒนาเมือง

ตัวแทนผู้ค้า ฐิติรัตน์ กุมภิโร สหกรณ์โบ๊เบ๊เฉลิมพระเกียรติ เล่าว่า เดือนมีนาคม 2566 ผู้ค้าร้องเรียน และได้เข้าประชุมกับสำนักโยธา กทม. ขอค้าขาย เพราะได้รับผลกระทบจากโควิด19 นาน 2 ปีแล้ว เขาอลุ้มอล่วย เขาสงสาร ขอว่า เวลาค้าขายก็โยกย้ายนะ ถ้าก่อสร้างมาถึงเรา ก็โยกย้ายออกให้เขาทำการก่อสร้างไป ก็โยกกันไป โยกกันมา

จนกระทั่ง 14 มิถุนายน 2566 สำนักงานเขตฯ เรียกผู้ค้าเข้าประชุม สั่งห้ามเข้าพื้นที่ เพราะต้องส่งมอบงาน ผู้รับเหมาทำหนังสือถึงสำนักงานเขตฯ ว่าเกิดอุปสรรคในการทำงาน เขาจะส่งมอบงาน หากส่งมอบงานล่าช้า จะโดนค่าปรับ

ตรงนี้เราเข้าใจ เราก็ยอม ยอมออกจากพื้นที่ แต่คุยกันว่า ให้เขาส่งมอบงานให้เสร็จก่อน คงเป็นกรกฎาคม 1 เดือนแล้ว ผู้ค้าค่อยกลับเข้าไป พอเสร็จแล้ว ป้ายประกาศห้ามเข้าไปขาย ผู้ว่าฯ บอกไม่ได้ไล่ จะหาพื้นที่ใหม่ให้

ผู้ค้าไม่ได้นิ่งเฉย พิจารณาจุดค้าขายอื่น ๆ ในละแวกนั้น สรุปปัญหาว่า สถานที่เอกชนมีค่าเช่า จุดขายในซอยมีค่าเช่า และลูกค้าเข้าไม่ถึง ซอย 37 ข้างกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ก็เข้าไปขายไม่ได้ เพราะอยู่ใกล้วังมหานาค จุดขายบริเวณทางเท้าที่กว้างเพียง 3 เมตร หน้าอาคารฝั่งตรงข้ามคลองผดุงกรุงเกษม กระทบคนเดินเท้าอีก รองรับผู้ค้าได้ไม่ทั้งหมด ประการสำคัญร้านค้า และเจ้าของอาคารไม่ยินยอมให้ตั้งแผงค้า

ล่าสุด อยู่ระหว่างรอคณะกรรมการหาบเร่แผงลอย ระดับเขต เรียกประชุม และรอหนังสือตอบจากสำนักนายกฯ อ้างถึงตำรวจอนุญาติให้ผู้ค้ากลับมาได้

ทำไมสงสัย กทม.เอื้อนายทุน

                เราเห็นนายทุนเดินตามตูดท่าน ตอนที่ท่านเดินสำรวจ ประชาชนจะไปเอาอะไรสู้ เราก็มีทุนแค่ 9 ล้านบาท อยากให้เราทำสวยงามแบบไหน เรายอมทำ ทำไมไม่คุยกับเรา หลบหน้าตลอด แต่ผู้ค้าเยาวราช ผู้ค้าถนนข้าวสาร ทำได้

                ได้ยินชัด ๆ เขาเป็นห่วงเอกชน ถ้าจัดให้ผู้ค้าขายที่เดิม แล้วเอกชนที่ลงทุนไปจะทำอย่างไร เขาขาดทุน เขาไม่ห่วงอาชีพประชาชนรากหญ้า ระดับกลาง ไม่มีเงินทุนไปเช่าพื้นที่ ค่าเช่าก็จะเพิ่มขึ้น ๆ ผ่านไป 3 เดือนไม่มีราคาเดิมอีกแล้ว คนไม่มีทุนพอเช่าที่ ก็เลิกขายไป หรือไปเร่ขายตามตลาดนัด

ตอนหาเสียงเลือกตั้งบอกว่าให้ขายแต่เมื่อไปขอเข้าพบเขา เขาถามว่ามาจากไหน มาจากโบ๊เบ๊ ไม่คุย สกปรก จบ เดินหนี ทำไมไม่เคลียร์กับเรา บอกปัด แล้วเดินหนี สกปรก คำเดียวสั้น ๆ

ท่านพยายามผลักภาระโยนให้กับตำรวจ ไปออกสื่อว่าตำรวจไม่ให้ขาย แต่ตำรวจบอกว่ามันเกี่ยวอะไรกับพวกผม ถนนสายรอง ไม่ใช่ถนนสายหลัก ตำรวจบอกให้ขายบนฟุตบาท ๆ กว้าง 9 เมตร แผงค้า 2 เมตร เหลือทางเดินสบาย ๆ

เราจึงฎีกาอีก 2 ครั้ง เพราะอดีตนายกฯ บอกว่าให้โบ๊เบ๊ขายได้ ให้จัดระเบียบ ห้ามทะเลาะกัน

ตลาดโบ๊เบ๊เป็นอัตลักษณ์ของกรุงเทพไม่ได้

                เราเคยอธิบายกับท่านผู้ว่า ตั้งแต่ท่านได้รับการแต่งตั้ง เราเป็นผู้ค้าในนามสหกรณ์โบ๊เบ๊ เฉลิมพระเกียรติ ในโครงการพระราชดำริ เรามีทุนของเรา 9 ล้านบาท จะให้เราช่วยพื้นที่ ทำอย่างไรก็ได้ให้สวยงาม ส่งเสริมเราเป็นอัตลักษณ์ เอกลักษณ์ของเขตป้อมปราบได้มั้ย

เยาวราช เป็นสตรีท ฟู๊ด ท่านยังให้ได้เลย ถนนข้าวสารยังทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้เลย

เราเป็นตลาดค้าส่งซึ่งอายุ 30 ปีกว่าแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจัดตั้ง มีมานานแล้ว เป็นตลาดค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย มีนักท่องเที่ยว มีการค้าขายกับต่างประเทศด้วย

ผู้ค้าปล่อยแผงให้เช่าต่อเยอะ

                ประกาศเลย ว่าใครปล่อยเช่า เราไม่กลัว เอาหลักฐานมากางเลย

ผู้ค้าผิดกฎหมาย และไม่ได้ให้อะไรกับกรุงเทพฯ

ที่ปรึกษา กทม. บอกว่า เราเป็นผู้ค้าที่ผิดกฎหมาย เขาถามว่า เราให้อะไรกับกรุงเทพมหานคร แล้วท่านจะเอาอะไรจากประชาชน นายทุนเสียภาษี แต่ผู้ค้าเสียค่าปรับมา 16 ปี จะเปลี่ยนเป็นเสียภาษีให้รัฐก็ยินดี ทำไมให้เราต้องไปจ่ายค่าเช่าพื้นที่นายทุน

ผู้ค้าต้องปรับเปลี่ยนบ้าง

เขาบอกให้เราปรับเปลี่ยน แต่เราเป็นตลาด ตลาดกับห้างไม่เหมือนกัน เราขายเสื้อผ้าเป็นพวง เป็นมัด สินค้าราคาถูก ผู้ผลิตคือคนไทย โรงงานตัดเย็บขนาดเล็กต่าง ๆ สินค้าของคนไทยแท้ ๆ กลุ่มบ้านสร้างผลิตผ้าถุง เสื้อคอกระเช้า สินค้าคนไทย คนรับจ้างตัดเสื้อผ้า เย็บจักรส่งมาขายในโบ๊เบ๊

ผู้ค้าที่มีกำลังมากพอ ไปเช่าพื้นที่ในอาคารที่เพิ่งสร้างเสร็จ หรือกลับไปเช่าห้องเก็บสต็อกของเปิดร้านแทน ในละแวกนั้น เจ้าของตึกอื่น ๆ ก็เตรียมปรับปรุงเพื่อให้ผู้ค้าเช่า ตอนนี้ 452 ราย ต้องช่วยเหลือตัวเอง ตามกำลังทรัพย์ตัวเอง ถามว่าไปรอดกี่คน ตอนนี้ไม่รอด ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเลย

ผู้ค้าฝากถึง กทม.

เรายินดีจ่ายค่าปรับ แต่ให้จ่ายค่าเช่าพื้นที่ 3-4,000 บาท เราไม่ไหว ท่านผู้ว่าบอกให้ไปขายในออนไลน์ ใน TIKTOKเขาแข่งกันลดราคา เราสู้ไม่ไหว เราไม่รอด เราพร้อมจะดูแลพื้นที่ตรงนี้ มีระยะเวลาขาย ทำความสะอาดคืนพื้นที่ให้ หากพังชำรุดก็ช่วยซ่อมแซม เราพร้อมดูแลทุกอย่าง หรือพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วยกัน

เราเข้าใจว่าบ้านเมืองต้องเปลี่ยนแปลง แต่การก็ไม่ต้องถึงขั้น ทุบหม้อข้าวของประชาชนตัวเล็ก ๆ และไม่ใช่แค่ชีวิต 452 คน แต่รวมถึงคนข้างหลัง คนรับจ้างเข็นของ กลุ่มเย็บผ้า ฯลฯ


ข้อมูล (ในกรอบ)

Timeline การไล่รื้อผู้ค้า
2550       – ถูกไล่รื้อครั้งแรก ผู้ค้ารวมตัวกันถวายฎีกา นายหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานเงิน 9 ล้านเป็นทุนช่วยเหลือผู้ค้าริมคลองผดุงกรุงเกษม จึงรวมตัวเป็นสหกรณ์ฯ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2550 เป็นสหกรณ์ในโครงการพระราชดำริ
2553       – กทม.จัดระเบียบ แต่ผู้ค้ายังได้ขาย 2 แถว ริมคลอง รวม 977 ราย
2557       – กทม.จัดระเบียบสำเร็จ จัดเป็นผู้ค้า 1 แถว รอบกลางวัน ประมาณ 400 กว่าราย เหลือ 200 กว่าราย อีก 200 รายให้ขายรอบกลางคืน
2566       – กทม.จัดระเบียบ อ้างว่า ต้องปรับปรุงภูมิทัศน์ โดยคลองผดุง เป็นจุดสุดท้าย เหลือผู้ค้า 452 ราย

ขอบคุณ
ที่นี่แนวหน้า 22 กรกฎาคม 2566
นสพ.สยามรัฐ 13 พฤศจิกายน 2566
Posttoday.com
Pantip.com

Share the Post: