“อยากขาย ไม่รู้ว่าจะทำยังไง เราอยู่ใต้กฎหมาย เราไม่รู้จะไปโต้แย้งอย่างไร ความจริงคือเราอยากขาย อยากทำถูกต้องตามระเบียบราชการ เราขายปริมาณ ขายราคาถูก เราอยู่ได้ พออยู่พอกิน ไม่ได้รวย ได้เลี้ยงลูก ส่งลูกเรียน ถ้าให้เราไปขายบนทาวเวอร์ มันแพงจนเราเอื้อมไม่ถึง”
คุณจำลอง อายุ 52 ปี เป็นหนึ่งในกลุ่มรับจ้างเย็บผ้า ตำบลบ้านสร้าง จังหวัดอยุธยา รวมทั้งนำสินค้าเสื้อผ้าเด็กมาจำหน่ายราคาส่งที่ตลาดโบ๊เบ๊ ฝั่งทางเท้าริมคลองผดุงกรุงเกษม เปิดค้าขายช่วงกลางคืน ปิดร้าน 6 โมงเช้า
ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 กทม.ประกาศปรับปรุงภูมิทัศน์ และห้ามมีแผงค้า แม้แต่แผงค้าช่วงกลางคืน คุณจำลองจึงหยุดขาย ไม่มีรายได้ มาร่วม 7 เดือน

ที่มา: fm91bkk.com
ตลาดโบ๊เบ๊ เป็นแหล่งขายส่งเสื้อผ้าราคาถูกแหล่งใหญ่มายาวนาน ตั้งแต่ก่อนปี 2500 เริ่มต้นโดยกลุ่มชาวบ้านอาชีพตัดเย็บเสื้อผ้าขนสินค้าขึ้นรถไฟมาลงหัวลำโพง ตอนค่ำ เปิดแผงขายจนถึงเช้า โดยเฉพาะบริเวณทางเท้าระหว่างแยกกษัตริย์ศึก (ยศเส) กับแยกสะพานขาว ไม่ว่าจะเป็น เสื้อคอกระเช้า ผ้าถุง เสื้อผ้าเด็ก กางเกงวอล์ม เสื้อยืด เสื้อลายดอก ชุดนอน เสื้อผ้าทั้งหมดขายส่งเป็นพวง เป็นมัด เป็นถุง ถุงละ 50 โหล ขายราคาถูก จึงเกิดเป็นจุดจำหน่ายเสื้อผ้าราคาส่ง เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยซื้อไปจำหน่ายทั่วประเทศ


กทม.กดดันแผงค้าตั้งแต่ปีไหน
เริ่มขายยาก ตั้งแต่ช่วงปี 2547 เทศกิจเขาจัดระบบใหม่ เราก็กระเสือกกระสนขาย หลบตรงโน้น ตรงโน้นไม่ให้เช่า ไปเช่าข้างใน คุ้มบ้างไม่คุ้มบ้าง ถูกไล่มาเรื่อย มันตั้งไม่ได้ พอเขาจัดใหม่ มีร้าน 3 แถว ร้านเราอยู่ริมคลอง ลูกค้าไม่ค่อยเห็นร้าน พยายามทนขาย เพราะปัญหาเยอะ ไม่มีทางเข้าร้านเพราะมีแผงเหล็กกั้น จอดรถไม่ได้ สินค้าลงไม่ได้ต้องจ้างคนเข็นของ แต่ยังขายได้เพราะสินค้าของเราไม่แพง เป็นสินค้าราคาถูก จับต้องได้ ขึ้นราคาก็ไม่กี่บาท เต็มที่ 5 บาท ลูกค้าต่างจังหวัดไปขายตัวละ 10 บาท
เขาว่าเราผิดกฎหมาย ค้าขายบนทางเท้า
ถ้าเรายอมได้ เรายอมหมด ยอมเสียค่าเช่าได้ ถ้าจัดระเบียบให้คนเดินได้ตรงกลาง เราขายระหว่างริมคลอง และริมถนนได้ ถนนกว้างพอเดินได้ ใช้เหล็กกั้นไม่ให้แผงค้าลงถนน กลางคืนรถวิ่งไม่มาก
ไปสำรวจจุดขายที่ไหนบ้าง
จะให้ขับรถไปขาย ไปเช่าแพง ๆ คงไม่ไหว อาจจะเลิกทำ จะทำไงได้ เพราะไม่มีทาง เพราะเราไม่ได้กำไรเยอะ แค่อยู่ได้ เราเป็นแม่ค้ารายย่อย ขายหมุนเวียนเงินไปเรื่อย ลูกค้ามาซื้อ เราส่ง คนทำมาส่งงานให้เรา ได้กำไรมาก็ไปจ่ายให้คนเย็บ คนทำส่ง ซื้อผ้ามา ไปจ้างคนเย็บ จ้างคนงานเองด้วย แผงที่โบ๊เบ๊ เราจ้างคนงานช่วยยกของ เข็นของวันละ 100-300 บาท หากเราได้ขาย ทุกคนจะมีรายได้จากเรา
เมื่อเราหยุดขาย ทำให้คนตกงานกี่คน
ประมาณ 20 คน รับจ้างเย็บผ้า รับจ้างปักผ้า ร้านขายผ้าที่สมุทรปราการ แถววัดสน ร้านยุบไปเยอะ เพราะโบ๊เบ๊ขายไม่ได้ โบ๊เบ๊เป็นจุดกระจายสินค้าใหญ่ ลูกค้าขับรถเข้ามาซื้อกลับไป ตั้งขายตอนเช้าตามตลาดนัดต่างจังหวัดได้เลย ไม่ต้องจ่ายค่าขนส่ง เมื่อขายตรงนี้ไม่ได้ ลูกค้าก็หายไป


ไปขายในตึก ติดแอร์ ไม่ดีหรือ
เราไม่ไหว ค่าเช่าแพง เขาไม่ได้เอาสินค้าแบบเรา เขามีสินค้าหลัก ๆ ซื้อหลักล้าน แล้วเอาของเราไปพ่วงนิดหน่อย คนมีรายได้น้อย จะมาซื้อเรา ถูกกว่าในตึก 2-3 บาท เพราะเราไม่ได้เสียค่าเช่า ไม่เอากำไรมากมาย แค่อยู่ได้ บางครั้งร้านในตึกก็มาซื้อจากเรา ไปบวกเพิ่มอีกหน่อย
เขาแนะนำให้ขายในออนไลน์ ขายใน TIKTOK
เราขายราคาถูกมาก ๆ โหลละ 40-50 บาท ได้กำไรนิดเดียว ไปขายในออนไลน์ไม่ไหว
ไม่ได้มาขายที่โบ๊เบ๊ครึ่งปีแล้ว มองทางออกยังไง
มองไม่ออกเลย กำลังคิดว่า ถ้าเขาไม่ให้ขาย จะเปลี่ยนไปขายที่ไหนดี โบ๊เบ๊ช่วยชีวิตมา แต่ถูกไม่ให้ขาย ไม่รู้จะทำยังไง ช่วงโควิด19 รัฐบาลปิดเมือง ห้ามเดินทาง ลูกค้าไม่เข้ากรุงเทพ เราเพิ่งได้ขายจริงจังปี 2565 แต่ลูกค้าก็ลดลงไป กทม.ก็ห้ามตั้งแผง มีเหล็กกั้น


สำหรับพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย ทางเท้า กทม.คือตลาดให้ลูกค้าได้มาซื้อสินค้าในราคาถูก แม่ค้ามีรายได้เลี้ยงชีพ และครอบครัว เป็นวิถี และอาชีพค้าขายของคนรากหญ้า ซึ่งอยู่ในระบบหมุนเวียน และกระจายรายได้ทั้งผู้ผลิตสินค้า และแรงงานที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก
เมื่อ กทม.ใช้ กฎหมายห้ามค้าขายบนทางเท้า รวมทั้ง กม.จราจร ไล่ผู้ค้า ทำให้หลายร้อยชีวิต กลายเป็นคนตกงาน ขาดรายได้มาหลายเดือนแล้ว
ทางออกมีทางเดียวคือ ผู้ว่าฯ กทม.จะอนุโลมให้กลับมาค้าขายได้อีก โดยผู้ค้ามีส่วนร่วมจัดระเบียบกับ กทม.ตามที่ได้กล่าวไว้
“ไม่อยากให้มองว่าตลาดโบ๊เบ๊เป็นปัญหา ต้องมองว่าเป็นโอกาส เพราะเป็นเศรษฐกิจที่หมุนเวียนอยู่ ซึ่งเป็นเสื้อผ้าของคนไทย ที่ผู้ค้าซื้อมาไปขายต่อ สร้างเศรษฐกิจ สร้างอาชีพ เลี้ยงดูครอบครัวของคนอีกจำนวนมาก ฉะนั้นต้องทำให้ดีขึ้น ให้เป็นศูนย์กลางการค้าขายที่มีคุณภาพ ปัจจุบันดูจากสภาพร้านค้าแผงลอย ไม่ใช่พื้นที่ที่น่าอยู่ เพราะต้องตั้งร้านเก็บร้านอยู่ตลอด ต้องเปลี่ยนมุมมองให้เป็นศูนย์กลางการค้าขาย ทำให้มีระเบียบ ทำทางเดินเท้าให้สบาย มีความสะอาด”
“เป็นแหล่งที่ใครอยากมาซื้อเสื้อผ้าของไทย ที่ราคาไม่แพง เอาไปขายต่อ บางคนเอาไปขายในอินเตอร์เน็ตก็สร้างอาชีพต่ออีก ถ้าเกิดเรามอง เราต้องมองให้เป็นโอกาส แต่จะเปลี่ยนปัญหาเป็นโอกาสยังไง ต้องใช้วิธี Creative Economy คือการสร้างมูลค้าเพิ่ม”
“เวลาเราผ่านตรงนี้ คนมองดูสกปรกรกรุงรังเป็นปัญหา แต่ถ้ามองอีกมุมนึงมันคือโอกาส ลองดูหลายคนที่ทำมาหากินเลี้ยงลูกจนจบได้ ก็ใช้โอกาสตรงนี้แหละ ก็ต้องพยายามมองอีกมุมหนึ่ง ต้องค่อยๆแก้ปัญหาไป”
ที่มา: The Reporters 24 กันยายน 2565
ขอบคุณเพจ หาที่ช็อป https://www.facebook.com/photo/?fbid=2613391962105644&set=pcb.2613412322103608
รองปลัด กทม. ลงพื้นที่คุมเข้มงานปรับปรุงภูมิทัศน์ 6 ระยะ ‘คลองผดุงกรุงเกษม’ (fm91bkk.com)