Skip to content
เสริมสุขภาวะที่เป็นธรรม สร้างพลังแรงงานนอกระบบ

เวทีแรงงานนอกระบบคึกคักพรรคการเมืองเข้าร่วม สัญญาแก้ไขปัญหาให้แรงงานนอกระบบ

เวทีแรงงานนอกระบบคึกคักพรรคการเมืองเข้าร่วม สัญญาแก้ไขปัญหาให้แรงงานนอกระบบ

ภาคีเครือข่าย - COMMUNITY

          ในเวทีการเสวนา ข้อเสนอแนะต่อนโยบายคุ้มครองส่งเสริมและพัฒนาแรงงานนอกระบบ ที่จัดโดยสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา (LDI) มูลนิธิชุมชนท้องถิ่นพัฒนา และสนับสนุนงบประมาณโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2566

          ได้มีข้อเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาและคุ้มครองส่งเสริมระบบสุขภาวะที่เป็นเป็นธรรมให้กับแรงงานนอกระบบต่อ ‘พรรคการเมือง’ จากเครือข่ายแรงงานนอกระบบ ในประเด็นสำคัญต่าง ๆ อาทิ การแก้ไขปัญหาการเข้าสู่ระบบลูกจ้างที่ถูกต้องของนายจ้างแพลตฟอร์มที่ยังคงปฏิเสธ ปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของกลุ่มแรงงานคืนถิ่น ปัญหาการรับงานทำที่บ้านของกลุ่มแรงงานที่รับงานทำที่บ้านที่ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคมในมาตราเดียวกับมาตรา 33 เป็นต้น โดยเครือข่ายแรงงานนอกระบบได้มีข้อเสนอต่อพรรคการเมืองให้ดำเนินการทั้งในระดับนโยบายจนถึงการแก้ไขกฎระเบียบต่าง ๆ

          ด้านพรรคการเมืองที่เข้ารับฟังปัญหาของกลุ่มแรงงานอาทิ ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม จากพรรคประชาธิปัตย์, นายเอกพร รักความสุข จากพรรคเพื่อไทย, นายนาดา ไชยจิตต์ จากพรรคเสมอภาค, นายเซีย จำปาทอง จากพรรคก้าวไกล, น.ส.กรกนก คำตา จากพรรคสามัญชน, นายปิติพงษ์ เต็มเจริญ จากพรรคเป็นธรรม, นายธนกิจ สาโสภา พรรคแรงงานสร้างชาติ โดยพรรคการเมืองต่าง ๆ ได้แสดงความเห็นต่อการแก้ไขปัญหาของแรงงานนอกระบบกลุ่มต่างๆอย่างกว้างขวาง อาทิ
          ดร.พิสิฐ ที่ยืนยันว่า การแก้ไขปัญหาของไรเดอร์เป็นอำนาจของกระทรวงแรงงานที่ทำได้ทันทีไม่ต้องมีการออกกฎหมายใหม่โดยยกตัวอย่างกรณีการประชุมออนไลน์และมีการบันทึกอย่างเป็นทางการว่ามีผลตามกฎหมาย ดังนั้นไรเดอร์ต้องมีสถานะเป็นลูกจ้างเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ส่วนปัญหาของกลุ่มแรงงานคืนถิ่นทางพรรคได้มีนโยบายธนาคาร หมู่บ้านหมู่บ้านละ 2 ล้านซึ่งจะตอบโจทย์ในส่วนนี้ ส่วนปัญหาของกการใช้สิทธิ์ประกันตนเองนั้น เนื่องจากปัจจุบันมีความทับซ้อนพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าจะต้องมีการปฎิรูประบบประกันสังคม ทั้งในมิติของสุขภาพและรายได้ โดยในส่วนของสุขภาพนั้นต้องเป็นไปในลักษณะที่เท่าเทียมกันทั้งหมดสำหรับคนทุกกลุ่ม         
 
           ขณะที่ นายเอกพร ระบุว่า ไม่อยากให้ใช้คำว่าแรงงานนอกระบบเพราะทุกคนเท่าเทียมกันและสังคมไทยสังคมโลกกำลังไปสู่การทำงานตามอิสระ ทำงานนอกสถานที่ ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ที่ระบบการบริหารให้เป็นไปตามระเบียบเช่นในส่นของไรเดอร์ยืนยันว่าอยู่ในสถานภาพของลูกจ้างร้อยเปอร์เซนต์ตามเจตนารมย์ของพรบ.แรงงานฯอยู่แล้ว ส่วนกลุ่มแรงงานคืนถิ่นนั้น พรรคเล็งเห็นเรื่องการเพิ่มทักษะการเรียนรู้และมีนโยบายที่จะทำเรื่องการเรียนร็ตลอดชีวิต
        น.ส.กรกนก กล่าวว่า พรรคได้เคยต่อสู้ร่วมกับพี่น้องแรงงานมาแล้วตั้งแต่ก่อนการตั้งพรรคจึงเข้าใจปัญหาซึ่งแนวทางที่จะทำคือการปฎิรูปกฎหมายแรงงานทั้ง 6 ฉบับให้เกิดความเท่าเทียมกับแรงงานทุกระดับไม่ใช่แบ่งแยกแรงงานระบบกับนอกระบบรวมถึงให้มีสิทธิการรักษาพยาบาลที่เท่าเทียมกับข้าราชการด้วย
          ขณะที่นักวิชาการยืนยันการเป็นลูกจ้างไรเดอร์-ผลักดันการรวมกลุ่มสู่การเป็นผู้ประกอบการ-ปรับแก้ไขกฎหมายเฉพาะที่เกี่ยวข้องเช่น 
 
          ‘เรื่องการออกกฎหมายใหม่ เช่น ร่างพรบ.แรงงานอิสระ..จากประสบการณ์ของตน การผลักดันกฎหมายใหม่เป็นเรื่องยากและต้องเข้าสภา และจะต้องอาศัยพรรคการเมือง ส่วนปัญหาของกลุ่มอาชีพต่าง ๆ จำเป็นจะต้องจับประเด็นให้ถูกเช่น กลุ่มอาสาคืนถิ่นนั้นต้องฝึกการเป็นผู้ประกอบการไม่ใช่การเพิ่มเกษตรกรหรือชาวนาอีกคน เป็นต้น และหากมีกฎระเบียบในกฎหมายในเรื่องใดที่เกี่ยวข้องก็ไปผลักดันในการแก้ไขประเด็นนั้นๆ’
 
          รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล กล่าวว่า โลกสมัยใหม่ทำให้สภาวะของแรงงานเปลี่ยนไป ทุกพื้นที่กลายเป็นบริษัทโรงงานด้วยเทคโนโลยีที่เข้ามา เช่นไรเดอร์คือท้องถนน กลุ่มรับงานที่บ้านคือบ้านของตัวเอง ขณะที่การสั่งการจากนายจ้างเป็นการสั่งการแบบ “ทางอ้อม” มีอำนาจในการบังคับส่งผลต่อค่าจ้าง ส่วนนายจ้างถูกเปลี่ยนใช้คำว่า พาร์ทเนอร์แต่แท้ที่จริงคือ “นายจ้างที่ลื่นไหล” ปัจจุบันแรงงานถูกทำให้กระจัดกระจายทั้งในแง่กายภาพและในเชิงความหมาย ทำให้ไม่สามารถรวมตัวหรือมีสหภาพได้อำนาจต่อรองหายไปและต่ำลง มีทั้งคำว่าแรงงานนอกระบบ แรงงานอิสระ แรงงานคืนถิ่น ทั้งที่แรงงานคือแรงงาน เราคือแรงงานเหมือนกัน
 
Share the Post: